NAD (Nicotinamide adenine dinucleotide) ย่อมาจากนิโคตินาไมด์อะดีนีนไดนิวคลีโอไทด์ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
เป็นโคเอ็นไซม์ที่พบในเซลล์ที่มีชีวิตทั้งหมด เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และมีอยู่ในร่างกายเราอยู่แล้ว NAD สำคัญมาก เพราะมันจะช่วยเพิ่มพลังให้ร่างกาย โดยเอาอาหารที่เรากินทั้งหมดไปสร้างพลังงาน ซึ่งขบวนการผลิตพลังงานนี้จำเป็นต้องมี NAD ในการสร้าง
แน่นอนว่า ยิ่งมี NAD มากเท่าไหร่ การทำงานของเซลล์ก็จะดีขึ้นเท่านั้น จะพูดว่าเป็นกุญแจที่ทำให้กลไกต่างๆ ของเซลล์ในร่างกาย ทำงานได้ดี เหมือนกันย้อนวัยเลยก็ว่าได้
ทำให้ร่างกายเกิดความชรา และความเสื่อมถอยของระบบประสาทและความจำ มีงานวิจัย จากมหาลัย Harvard ให้ NAD กับหนูที่แก่แล้วอายุ 2เดือนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ พบว่าหนูแก่มีพฤติกรรมเสมือนหนูอายุหกเดือน เช่นทานอาหารได้ดีขึ้น กระชับกระเฉง และกลับมาตั้งครรภ์ได้
พบว่า ระดับ NAD+ ที่มากขึ้นจะช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย ช่วยเเก้ไขข้อบกพร่องของระบบการเผาผลาญของ กระบวนการแก่ของเซลล์ รวมถึงโรคทางระบบประสาท, โรคหลอดเลือดหัวใจ, เบาหวาน, โรคอ้วน และปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอายุ
NAD+ มี 2 รูปแบบ ได้แก่
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบ NAD+ เป็นครั้งแรก และเริ่มศึกษาประโยชน์ของมันในช่วงต้นทศวรรษ 1900 แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เราเพิ่งจะรู้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของมัน
เราอาจพูดได้ว่า NAD+ คือ “โมเลกุลตัวช่วย” เพราะเมื่อมันจับกับเอนไซม์อื่นๆ ในร่างกาย มันจะสร้างปฏิกิริยาระดับโมเลกุล ตัวอย่างเช่น โปรตีนที่เรียกว่า “เซอร์ทูอิน” ซึ่งมีหน้าที่ดำเนินกระบวนการทางชีววิทยาหลายอย่างภายในร่างกายมนุษย์ เพื่อกระตุ้นมห้โคเอนไซม์ทำงานได้อย่างถูกต้อง
ทุกคนเข้าใจดีอยู่แล้วว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายของเราจะสร้างโคเอนไซม์ได้น้อยลงเรื่อยๆ
นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบของอายุที่มากขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วย ที่เกี่ยวข้องกับอายุมากขึ้นในแง่ของคนธรรมดา
มีการศึกษาที่ค้นพบว่า การลดลงของระดับ NAD+ ทำให้เกิดความชรา โดยทั่วไประดับ NAD+ จะลดลงตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในวัยกลางคนจะลดลงเหลือน้อยกว่า 50 % และลดลงเหลือเพียง 1 – 10 % เมื่อมีอายุ 80 ปี การลดลงของระดับNAD+ ก่อให้เกิดการเสื่อมถอยของระบบประสาทและความจำ ระดับการเปลี่ยนแปลงพลังงานลดลง ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เกิดภาวะของโรคหัวใจ โรคอ้วน โรคเบาหวาน ภาวะมีบุตรยาก และปัญหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามอายุขัย
การให้ NAD+ แก่ร่างกายของคุณผ่านทาง IV Drip เป็นวิธีเดียวที่จะ ทำให้แน่ใจว่าคุณได้รับในปริมาณที่จำเป็น เพื่อการออกฤทธิ์ 100% จากโมเลกุล ซึ่งหมายความว่าร่างกายของคุณจะดูดซับโคเอ็นไซม์เสริมที่เป็นไปได้สูงสุดและแปลงเป็นพลังงานระดับโมเลกุลได้อย่างดีที่สุด
ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินว่า มีอาหารเสริม NAD แต่พบว่าเป็นเรื่องยากมากที่ร่างกายจะดูดซึม NAD+ ด้วยวิธีการทาน เพราะฉะนั้น วิธี IV เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน
ประโยชน์ของ NAD+
การฉีดสารเหล่านี้ยังมีประโยชน์ต่อบุคคลที่มีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย แพทย์มักจะแนะนำ นักกีฬาที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ฟื้นตัวเร็วขึ้นหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก หรือได้รับบาดเจ็บ
แนะนำว่าให้ใช้เวลาในการดิฟ iv ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ต่อครั้ง และควรทำต่อเนื่อง 2-4 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามจำนวนครั้งที่แน่นอน อาจจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพแต่ละท่าน และเป้าหมายเฉพาะของแต่ละท่าน
อันตรายไหม
เนื่องจาก NAD เป็นสารที่ร่างกายของเราผลิตได้เองอยู่แล้ว จึงค่อนข้างปลอดภัยมาก และการฉีดทุกครั้ง อยู่ในความดูแลของแพทย์
แต่แน่นอนว่าก็ยังมีข้อห้ามอยู่ สำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังรักษาด้วยเคมีบำบัด ไม่แนะนำให้ใช้ NAD
หลังทำ อาจจะมีอาการมึนหัวเล็กน้อย หรือมวนท้องบ้างในบางรายแต่ก็จะหายไปในประมาณ 20 นาที
เมื่อไหร่จะเห็นผล
หลังการฉีด 3-4c สัปดาห์ จะรู้สึกได้ว่าร่างกายสดชื่นขึ้น สมองปลอดโปร่งขึ้น หลับลึกและนานขึ้น แนะนำให้ฉีดต่อเนื่องเดือนละหนึ่งครั้ง
ทำไมต้องที่ The Face Aesthetic
ขอขอบคุณ คุณเอย-ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
ที่วางใจให้ The Face Aesthetic ดูแลค่ะ ^^
ขอขอบคุณ ดร. แคทลีน มาลีนนท์
ที่วางใจให้ The Face Aesthetic ดูแลค่ะ ^^
ขอขอบคุณ คุณแพทริเซีย กู๊ด
ที่วางใจให้ The Face Aesthetic ดูแลค่ะ ^^
Home Anti-Aging IV Therapy Metabolic Boost