ใช้หลักการ Electroporation โดยจะปล่อยกระแสไฟฟ้าเฉพาะ ปริมาณเพียงเล็กน้อย และสม่ำเสมอ เพื่อเปิดชั้น stratum corneum (ชั้นขี้ไคล) และจะไปกระตุ้นให้เยื่อหุ้มเซลล์ cell membrane เปิดออกชั่วคราว ทำให้สามารถผลักตัวยาหรือวิตามินสามารถซึมลงไปได้ สู่ใต้ผิวลึกระดับเซลล์ ตั้งแต่ 1 มม. – 10 ซม.
นอกจากนั้นคลื่นไฟฟ้าจะช่วยกระตุ้น และจัดเรียงคอลลาเจน ใบหน้าจึงยกกระชับ อีกทั้งช่วยปรับผิวหน้าให้เนียนใสอีกด้วย ผลลัพธ์ของการรักษาจึงดีกว่าเครื่องมือการผลักยาแบบเดิม และสุขภาพผิวดีขึ้นจากภายในสู่ภายนอก
การที่ DermaShock มีหลักการที่ได้กล่าวมาแล้วเพื่อช่วยในการส่งยาให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น โดยการที่เปิดทางผ่านของยาบริเวณชั้นขี้ไคลให้ยาสามารถเดินทางเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งปกติการทำ iontophoresis จะไม่สามารถทำได้ดังนั้นยาจึงเข้าสู่ใต้ผิวได้น้อยมาก
DermaShock มีหลักการพื้นฐานอยู่ 4 หลักการ
1. Electroporation เป็นเทคโนโลยีของการนำส่งสารละลายยา (ยาบำรุงผิวหรือวิตามิน) เข้าสู่ผิว โดยการใช้กระแสไฟฟ้าเฉพาะที่ทำให้เกิดช่องว่างชั่วคราวในชั้น stratum corneum และ cell membrane เปิดออกชั่วคราว โดยเปิดช่องว่างชั่วคราวประมาณ 1-2 วินาที ทำให้เพิ่มการซึมผ่านของผิว ตัวยาจึงลงลึกเทียบเท่าเข็มฉีดยา ดีกว่าใช้มือทา
2. Electrorepulsion เป็นกระบวนการผลักยา โดยยาที่มีประจุบวกนั้น สามารถใช้อิเล็กโทรด (electrode) ประจุบวกผลักดันตัวยาให้เข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งยาส่วนใหญ่ที่ใช้ในการทำ Mesotherapy จะเป็นประจุบวก ส่วนถ้าเป็นประจุลบจะใช้อิเล็กโทรดประจุลบแทน เพื่อเร่งการนำพาตัวยาเข้าสู่เซลล์ผิวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
3. Vibration movement ระบบสั่น เพิ่อกระตุ้น การไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง
4. Thermal Effect เพิ่มการไหลเวียนของเลือด เร่งการเผาผลาญไขมัน รวมถึงทำให้คอลลาเจนหดตัว ผิวยกกระชับขึ้น
หลังทำจะเห็นความแตกต่างทันที หน้าจะกระจ่างใส โดยสามารถคาดหวังผลได้อย่างน้อย 1 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคนไข้หลังทำการรักษา โดยสามารถทำซ้ำได้ทุกอาทิตย์
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำเดือนละ 4 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลาหกถึงแปดเดือน หลังจากนั้นสามารถลดความถี่ลงเหลือประมาณ 2 ครั้งทุก ๆ เดือน
โดยระหว่างทำทรีทเม้นต์จะรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสั่นและอุ่นๆ บริเวณใบหน้า
ไม่มีผลข้างเคียง หลังทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่งหน้าได้ทันที
ผลลัพธ์จากการทำ: